วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2551

รวมเรียกว่า....

วันนี้ ฉันมานั่งที่ร้านประจำอีกครั้ง มาตั้งแต่หกโมงเย็น รอเวลาที่จะคุยเรื่องงาน 2 เรื่อง เรื่องแรกนัดหมายกันไว้ล่วงหน้านานแล้วเกี่ยวกับการตั้งบริษัท ส่วนเรื่องที่สองเป็นบุญหล่นทับอันเป็นเหตุต่อเนื่องจากกรณีซื้อหนังสือที่ฉันแปลแจกทั้งร้าน มีพี่รุ่นใหญ่ให้ความไว้วางใจ อยากให้ฉันมาช่วยงาน นำมาซึ่งความภูมิใจและตั้งใจที่จะผลิตผลงานออกมาให้ดีที่สุด หมู่นี้มีงานหล่นทับฉันหลายอย่างจนไม่รู้จะปฏิเสธอันไหน อาจจะเป็นความงกของฉันที่รับทำมันซะทั้งหมด ตอนนี้คงต้องโฟกัสเรื่องงานที่พี่รุ่นใหญ่ในวงการจะให้ฉันทำก่อน แล้วก็ต่อด้วยงานแปลหนังสือเล่มใหม่ที่ท้าทายไม่ใช่เล่น แล้วฉันก็ต้อง marketing ตัวเองไปพร้อมๆ กัน ฉันว่าคงถึงเวลาที่กราฟชีวิตฉันจะขึ้นจริงๆ แล้วล่ะ จะว่าไม่เชื่อดวงก็ไม่ได้ เพราะฉันยังแปลกใจอยู่ไม่หายว่าฉันก็เป็นคนๆ เดิม แต่บางครั้งคนรอบตัวก็ไม่ชอบขี้หน้า พอมาตอนนี้ฉันก็อยู่ของฉันเฉยๆ กลับได้รับการปฏิบัติตรงกันข้าม

จะคิดมากไปไย เมื่อวันก่อนฉันเห็นพี่คนนึงหน้าตาอมทุกข์อย่างที่สุด แต่เมื่อกลับออกไปความสุขฉาบฉายเต็มใบหน้า พี่มีความสุขจากการให้และในขณะเดียวกันก็สร้างความสุขให้กับผู้รับ ฉันดีใจที่ความสุขได้เกิดขึ้นกับคนที่ต้องการมันมากเหลือเกิน

รวมเรียกว่า...ความสุขค่ะ

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551

คนลุยไฟ

วันนี้ไปดูหนังรอบปฐมทัศน์ที่เซ็นทรัลเวิร์ด เจอพิธีกรของงานที่เคยเป็นพิธีกรให้งานของกำมะหยี่ด้วย ได้คุยทักทายกันหลายอย่างแล้วก็ดูหนัง รายละเอียดลองไปดูตามลิงค์นี้เลยนะเธอ Press Release คนลุยไฟ

ฉันให้สัมภาษณ์ด้วยล่ะ กำลังคิดอยู่ว่าเขาจะเอาคำพูดฉันออกฉายมั้ยหนอ ถ้าไม่ถูกใจคนทำสกู๊ป ฉันเล่าให้ฟังตรงนี้ละกันนะ

ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นหนังผี คนสมัยนี้กินยากันเยอะแยะ วิตามินบ้าง แคลเซียมบ้าง แม้แต่ฉันเองก็กินแคลเซียม พอดูหนังแล้วก็ทำให้ย้อนนึกถึงตัวเอง ส่วนการแสดงก็มีที่ประทับใจ คือ นางเอก ที่มีการแสดงออกด้วยสีหน้าท่าทางมากกว่าเมื่อก่อนที่แสดงออกทางคำพูดอย่างเดียวเทียบเท่ามาตรฐานต่างประเทศนะค่ะ